หลังจากที่เปิดร้านมาซักพักนึง ได้เจอลูกค้าหลากหลาย ส่วนหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจมาซื้อเต็นท์ พอได้พูดคุยและสังเกตุคำถามของลูกค้าส่วนใหญ่เลย จะพบกว่า สิ่งที่พวกเค้าเป็นกังวลกันมากที่สุดคือ เต็นท์กันน้ำได้ 100 % หรือเปล่า ? บางคนถามย้ำผมหลายรอบ ไม่เข้าแน่นะ แน่ใจนะว่าน้ำไม่เข้า … ดูเหมือนความกลัวน้ำจะฝังอยู่ในจิตใจเพื่อนนักเดินทางหลายๆท่านมากทีเดียว
ความเข้าใจที่ผิดกันอย่างหนึ่งคือ ผ้าไม่ใช่ตัวกันน้ำนะครับ สิ่งที่กันน้ำได้ตัวเคลือบผ้าต่างหาก เต็นท์เกือบทั้งหมดที่ขายกันในท้องตลาดจะมีการเคลือบกันน้ำไว้ที่ผ้าอยู่แล้ว และการที่เต็นท์หมดอายุส่วนใหญ่ก็คือหมายถึงเคลือบกันน้ำเสื่อมนี่แหละครับ ปกติเต็นท์ถ้าเก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น ไม่ร้อนมากไป อายุเคลือบกันน้ำพวกนี้ก็จะอยู่ได้นานครับเป็น 8 ปี 10 ปี เลยทีเดียว
ตัวอย่าง การทาเคลือบกันน้ำที่ผ้าเต็นท์
จริงๆแล้วผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้เมื่อนานมาแล้ว ในหัวข้อเรื่อง เต็นท์กันน้ำได้มากน้อยแค่ไหน ดูอย่างไร ใครสนใจลองตามไปอ่านกันได้ครับ จะพูดถึงเรื่องค่าการกันน้ำ หรือที่เรียกว่า Hydrostatic Head ที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเต็นท์ที่คุณมี หรือจะเลือกซื้อนั้น กันน้ำได้มากน้อยแค่ไปน และมีวิธีในการดูยังไง เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อการโฆษณาทางการตลาด
สารเคลือบที่นิยมใช้กันในเต็นท์อย่างแพร่หลายจะมีอยู่ 2 ตัว ก็คือ โพลียูรีเทน กับ ซิลิโคน จริงๆ แล้วนอกจาก 2 ตัวนี้แล้วยังมีสารอื่นที่มักใช้ในการเคลือบ คือ polyvinylchloride (PVC), กับ acrylic (polyacrylonitrile PAN) แต่พวกนี้จะไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก โดยเฉพาะที่เวลาเจออุณหภูมิต่ำๆ นอกจากนั้น PVC ยังมีน้ำหนักมาก อีกทั้งกระบวนการผลิตก็ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็เลยไม่ค่อยนำมาใช้กันครับ ยังไงเรามาดูคุณสมบัติของ 2 ตัวหลักกันดีกว่า
ตัวอย่างรายละเอียดของเต็นท์ Naturehike Mongar 2 จะเขียนว่า ผ้าไนลอนเคลือบซิลิโคน ให้ค่าการกันน้ำอยู่ที่ 4,000 mm
โดยสรุปแล้วทั้ง โพลียูรีเทน และ ซิลิโคน กันน้ำได้เหมือนกัน เพียงแต่เคลือบซิลิโคนกันน้ำได้ดีกว่าอีกหน่อยครับ สำหรับการใช้งานในบ้านเรา ถ้ามองแค่การกันน้ำ เต็นท์เคลือบโพลียูรีเทนที่มีคุณภาพดีหน่อย ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ปกติถ้าให้ผมแนะนำเต็นท์เคลือบซิลิโคนจะเหมาะกับคนที่ต้องการเน้นที่ความเบามากกว่าครับ เพราะราคาเต็นท์เคลือบซิลิโคนมันก็แพงกว่าเคลือบโพลียูรีเทนค่อนข้างเยอะอยู่
โดยสรุปก็คือ เต็นท์มันไม่ได้น้ำเข้าง่ายขนาดนั้นหรอกครับ ที่เต็นท์บางเจ้าทั้งๆที่เขียนบรรยายสรรพคุณ ผ้าอย่างนู้นอย่างนี้ กันน้ำ 5000 mm 7000mm 8000 mm แต่น้ำก็ยังเข้า เพราะเหตุผลง่ายๆเลยครับ … มันเป็นปัญหาคุณภาพการผลิต เช่น สารเคลือบกันน้ำคุณภาพต่ำ ไม่ได้คุณภาพ อย่างที่อ้างไว้ หรือเคลือบไม่ทั่วถึง หรือ ตรงรอยตะเข็บซีลมาไม่ดี มีบางช่วงไม่ได้ซีลก็มี นั่นแหละครับเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำเข้าเต็นท์
ทิ้งท้ายนิดนึงครับ การเลือกซื้อเต็นท์ นอกจากจะดูที่รายละเอียด คุณสมบัติของ ผ้า เคลือบ PU หรือ เคลือบซิลิโคน แล้ว ต้องดูค่าการกันน้ำเป็นหน่วย มิลลิเเมตรประกอบด้วย ควรจะต้องสอดคล้องกัน ถ้าเมื่อไหร่เจอค่าแปลกๆ เช่นค่าการกันน้ำ 8000 mm เคลือบซิลิโคน แต่กลับขาย 2,000-3,000 บาท ซึ่งถึือว่าราคาถูกเกินไป จนผิดสังเกตุ อย่างที่เรียนไว้ว่าการเคลือบซิลิโคนมันมีต้นทุนการผลิตที่สูง ถ้าเจอแบบนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยครับ ว่าค่าอาจจะตั้งมาให้เกินจริง เพื่อประโยชน์ทางการตลาด การเลือกซื้อเราก็ควรจะรู้เท่าทันคนขายด้วยนะครับ
พบกันใหม่คราวหน้า อย่าลืมนะครับ แค่มีเงินซื้อยังไม่พอ เราต้องมีความรู้ด้วยขอบคุณครับ
พีท
สินค้าของคุณถูกเพิ่มเข้าตะกร้าแล้ว